[ไกด์เกม] รวมเทคนิคเบื้องต้นของเกม Coral Island ที่ผู้เล่นหน้าใหม่ควรรู้!

กระแสแรงอย่างต่อเนื่องกับเกมแนวปลูกผัก ทำฟาร์ม สานความสัมพันธ์กับเหล่าชาวเมืองบนเกาะปะการัง Coral Island วันนี้ทางทีมงาน Online Station เลยขอเอาใจผู้เล่นใหม่ ด้วยเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อช่วยให้เล่นเกมนี้ได้ง่ายขึ้น ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย!

เทคนิคการหาเงินต้นเกม

ในตอนเริ่มเกมเราจะมีเงินอยู่แค่ 300 เท่านั้น ซึ่งน้อยมาก ๆ สิ่งที่จะช่วยหาเงินได้ดีที่สุดในช่วงแรก คือ การเดินในทั่วแมพ เก็บของป่า และพวกเปลือกหอยในชายหาด หมั่นไปดูคำขอของชาวเมืองเป็นเควสที่ทำแล้วจะได้เงินเพิ่มมาด้วย และเมื่อเราได้เบ็ดตกปลา กับไม้จับแมลง ก็เป็นทางเลือกในการหาเงินเพิ่มเติม

เมื่อมีเงินอยู่ในระดับหนึ่งแล้วสิ่งที่ควรซื้อเป็นอันดับแรกคือกระเป๋า เพราะจะได้ช่วยเก็บของได้เยอะขึ้น แล้วค่อยนำเงินไปลงทุนกับการปลูกผักต่อ


 

เทคนิคการปลูกผักทำฟาร์ม

การปลูกผัก ดอกไม้

ในการเลือกเมล็ดพันธุ์ในการปลูกเราต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง โดยในเกมนี้จะแบ่งเมล็ดพันธุ์ 2 ประเภท คือ แบบเก็บเกี่ยวได้ครั้งเดียว กับแบบเก็บเกี่ยวได้หลายครั้ง โดยจะมีรายละเอียดบอกถึงระยะเวลาที่ผักจะเติบโตอยู่ด้านขวามือ การเลือกปลูกผักที่ราคาสูงแต่เก็บเกี่ยวได้ครั้งเดียวก็อาจไม่ดีเสมอไป การเก็บผลผลิตที่เก็บได้หลายครั้งก็อาจทำเงินได้มากกว่าเช่นเดียวกัน

ข้อควรระวังกับการปลูกผัก คือ เราต้องคำนวณขนาดของแปลง และเมล็คพันธุ์ให้พอดีกัน ทั้งค่าพลังที่เราต้องเสียจากการขุดดิน หรือลดน้ำ ก็อาจทำให้ไม่มีแรงในการทำอย่างอื่น และอย่าลืมเรื่องของเขตที่หุ่นไร่กาที่ช่วยปกป้องผักของเรา

สุดท้ายสำคัญที่สุดคือวันเวลาของฤดูต่าง ๆ ผู้เล่นใหม่มักลืมว่าหนึ่งฤดูในเกมมีแค่ 28 วันเท่านั้น ต้องดูว่าจะมีเวลาพอไหม เพราะการปลูกผักจะไม่นับวันที่เราลงเมล็ด แต่จะนับเป็นวันถัดไปแทน ยกตัวอย่างใช้เวลาปลูก 8 วัน เราลงเมล็ดวันที่ 20 ตัวเกมจะนับหนึ่งวันในวันที่ 21 ซึ่งจะทำให้ผลผลิตโตไม่ทันเปลี่ยนฤดู และเสียเงินที่ใช้ลงทุนไปแบบฟรี ๆ

ทั้งนี้เราสามารถดูได้ว่าผลผลิตจะโตในอีกกี่วันด้วยการกด คลิดขวาค้างไว้ที่ต้นอ่อน

การปลูกผลไม้

ผลไม้ในเกมจะมีอยู่ 2 ลักษณะคือ ผลไม้แบบปลูกในฤดูจะเป็นกระถางสีขาวใช้พื้นที่ในการปลูกแบบ2×2 ซึ่งการปลูกจะเป็นแบบปกติคือขุดดิน 4 ช่อง แล้วรดน้ำ พอหมดฤดูก็จะตายเหมือนกับพืชผัก

ผลไม้แบบยืนต้นกระถางสีน้ำตาลใช้พื้นที่ในการปลูกแบบ3×3 ปลูกได้ด้วยไม่ต้องขุดดิน รดน้ำ จะออกผลตามฤดู และไม่ตายเมื่อเปลี่ยนฤดู ในการปลูกผู้เล่นอาจต้องเคลียร์พื้นให้ว่างสักหน่อย เพราะถ้ามีสิ่งปลูกสร้างอยู่ในระยะ 9 ช่อง ก็จะไม่สามราถปลูกได้ แต่เมื่อปลูกไปแล้วเราสามารถวางของรอบ ๆ ได้ตามปกติ

ในการเลือกผัก ผลไม้ และดอกไม้ ควรเริ่มเลือกจากสิ่งที่ต้องใช้ในการถวายต่อเทพธิดาก่อน เพื่อที่จะได้รับของรางวัลต่าง ๆ และปลดล็อคสิ่งอำนวยความสะดวกต่อผู้เล่น แล้วค่อยเลือกผลผลิตที่สามารถเพิ่มมูลค่าจากการแปรรูป


 

กรีนเฮ้าส์ปลูกอะไรดี

กรีนเฮ้าส์จะถูกปลดล็อคในช่วงกลาง ๆ เกม หลังจากถวายของครบ 14 ชิ้นแล้ว ซึ่งเราจะสามารถปลูกผัก ผลไม้ได้โดยไม่ต้องสนฤดู ควรเรื่องผลผลิตที่มีราคาสูง ที่นำไปแปรรูป หรือจะปลูกไม้ยืนต้นก็ออกผลผลิตได้ตลอด และยังเหลือพื้นที่รอบข้างให้ปลูกผักเพิ่มได้ด้วย


 

เทคนิคการจับแมลง และตกปลา

ในจับแมลงการค่อย ๆ ย่องเข้าไปมันอาจจะช้าเกินไป การกดใช้ไม้จับแมลงแล้วเดินเข้าไปก็อาจจะทำมันตกใจบินหนีไปได้ เราเลยแนะนำวิธีการพุ่งตัวด้วยการกด space bar เข้าหาแมลง แล้วกดหันจับในทันที ด้วยวิธีนี้แม้จะทำให้มันตกใจ แต่ถ้าเราเร็วพอก็จับมันได้ง่าย ๆ และไม่เสียเวลาอีกด้วย

การตกปลา จะมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งสถานที่ ช่วงเวลา และสภาพอากาศ เราต้องคำนึกถึงสิ่งเหล่านี้เป็นอันดับแรก เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ปลาที่ได้แตกค่างกัน ปลาบางชนิดอาจจะตกได้ในช่วงเช้า ปลาหายากมักจะมาในช่วงที่สภาพอากาศรุนแรง โดยสิ่งที่จะช่วยให้เรานั้นตกได้ง่ายขึ้นก็คือ การใว่เหยื่อลงไปในเบ็ด ซึ่งจะมาจากการคราฟ หรือซื้อก็ได้ หรือถ้าเบ็ดของเรายังไม่ได้อัปเกรดสูงเท่าไหร่ ในการตกปลาก็ต้องใช้ความอดทน ค่อย ๆ กดลาก แล้วผ่อนตามจังหวะ ใจเย็นเราก็จะตกได้ไม่ยาก

นอกจากนี้ยังมีอาหารบางชนิดที่บัพช่วยในเรื่องตกปลา และจับแมลงอีกด้วย ทั้งนี้เราควรจับให้ได้อย่างน้อย 2 ตัวเพราะบางชนิดใช้ในการถวาย และบริจาคให้พิพิธภัณฑ์ด้วย


 

เทคนิคการอัปเกรดอุปกรณ์

การอัปเกรดเครื่องไม้ เครื่องมือ ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ ในช่วยให้เรานั้นทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น โดยในการอัปเกรดแต่ละครั้ง เมื่อเรามีของครบแล้ว แล้วควรดูอะไรบ้าง สิ่งแรกนั้นเราต้องดูเวลาเปิดปิดร้านที่เราต้องนำอุปกรณ์ไปอัปเกรดเสียก่อน ตามด้วยระยะเวลาที่ใช้ ซึ่งแบ่งดังนี้

Blacksmith (เปิดจันทร์ – ศุกร์ 9.00-18.00, เสาร์ 9.00-14.00, ปิดวันอาทิตย์)
ในการอัปเกรดอุปกรณ์ทำฟาร์ม เราควรไปในช่วงเย็นก่อนที่ร้านจะปิด โดยที่เราใช้งานในกิจวัตรประจำวันมาแล้ว ถึงจะคุ้มค่ามากที่สุด เพราะในวันนั้นเราจะไม่ใช้งานอีก ในขั้นแรกนั้นจะใช้เวลา 1 วัน ถัดมาก็ไปเอามาใช้งานต่อได้ทันที แต่ถ้าใช้เวลา 2 วัน เราไม่ควรนำไปในวันศุกร์ เพราะจะเสร็จวันอาทิตย์ที่ร้านปิด ไม่สามารถเอาอุปกรณืนั้นมาใช้งานได้ เช่นเดียวกับการอัปเกรดที่ต้องใช้เวลา 4 วัน ก็ไม่ควรนำไปในวันพุทธ

Beach Shack (เปิดจันทร์ – อาทิตย์ 9.00-17.00, ปิดวันพุทธ)
การอัปเกรดไม้จับแมลง และเบ็ดตกปลา ก็เหมือนกับการพัฒนาอุปกรณ์ทำฟาร์ม ถือต้องดูวันปิดร้านกับระยะเวลาที่ใช้ให้ดี แต่ในการอัปเบ็ดตกปลานั้นต้องดูพยากรณ์อากาศด้วย เพราะถ้านำไปอัปในวันที่มีอากาศรุนแรงก็อาจจะพลาดการตกปลาหายากไปนั้นเอง

ข้อควรระวังในการอัปเกรดอุปกรณ์คือ ในช่วงต้นเกม เราจะหาไม้เนื้อแข็งได้แค่จากฟาร์มของเราเท่านั้น จึงต้องเก็บไว้ใช้ในการทำเครื่องก่อน หากเผลอนำไปบ้าน หรือสิ่งปลูกสร้าง ก็อาจจะเป็นปัญหาในเรื่องของไม่พอได้

หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ ทุกคนที่กำลังจะก้าวขาเข้าบนเกาะปะการังแห่งนี้ ส่วนใครที่ยังไม่มีตอนนี้ตัวเกม Coral Island ลดราคาบน Steam เหลือเพียง 464 บาทเท่านั้น โดยข้อเสนอนี้จะมีถึงวันที่ 5 มกราคม 2024 รีบกดกันได้เลย